8 ช่วงเวลาที่ควรดื่มน้ำมากที่สุด

เมื่อร่างกายขาดน้ำจะทำให้เราเกิดความเครียด ปากแห้งคอแห้ง เวียนหัว รวมไปจนถึงมีอาการเป็นลมหน้ามืดได้ ยิ่งถ้าเรามีโรคประจำตัวอยู่ด้วย ก็จะเป็นการเร่งให้แย่ไปกว่าเดิมได้ เพราะฉะนั้นเราจึงควรเตือนตัวเองให้ดื่มน้ำให้ได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ แต่นอกจากจะต้องดื่มน้ำให้ได้ตามปริมาณแล้ว ช่วงเวลาในการดื่มน้ำก็สำคัญ ลองมาดูกันว่าช่วงเวลาในการดื่มน้ำนั้นสำคัญอย่างไร และเวลาไหนบ้างที่เราควรดื่มน้ำ

8 ช่วงเวลาที่ควรดื่มน้ำมากที่สุด

1. หลังตื่นนอน ทำไมช่วงเวลาหลังตื่นนอน เราควรดื่มน้ำ … นั่นก็เพราะว่าตลอดหลายชั่วโมงที่เรานอนหลับมา เราไม่ได้ดื่มน้ำเลย ร่างกายขาดน้ำพอสมควร ซึ่งเมื่อเราตื่นขึ้นมาแล้วเราจึงควรดื่มน้ำ รวมถึงเมื่อเราดื่มน้ำหลังตื่นนอนแล้วก็จะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น อาการง่วง มึนๆ เวียนหัว ก็จะค่อยๆ หายไป ทำให้เราสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และการดื่มน้ำหลังตื่นนอนทันทีก็จะช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลด้วย

2. หลังออกกำลังกาย ถ้าเราออกกำลังกายเป็นระยะเวลานาน เช่น การวิ่ง ไม่ว่าจะครึ่งชั่วโมง, 45 นาทีหรือไปจนถึง 1 ชั่วโมง เราแนะนำให้จิบน้ำตลอดการออกกำลังกาย ไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้รู้สึกกระหายก่อนแล้วค่อยดื่มน้ำ เพราะหากเกิดอาการกระหายน้ำแปลว่าร่างกายได้ขาดน้ำแล้ว ซึ่งจะทำให้เราหน้ามืดเป็นลมตอนที่เราออกกำลังกายก็ได้ รวมไปถึงอาจจะทำให้สมรรถภาพตอนออกกำลังกายลดลงได้ด้วย เพราะฉะนั้นแนะนำให้จิบน้ำเรื่อยๆ ขณะออกกำลังกาย จะช่วยให้เราออกกำลังกายได้นานขึ้น และหลังออกกำลังกายก็ควรดื่มน้ำอีก เพื่อให้ร่างกายสดชื่น ไม่หน้ามืดวิงเวียน ไม่เป็นลมและไม่มีอาการวูบ 

3. ก่อนรับประทานอาหาร การดื่มน้ำก่อนการรับประทานอาหารประมาณครึ่งชั่วโมง เป็นเหมือนกับการกระตุ้นเตือนร่างกายให้พร้อมกับการรับประทานอาหาร และกระตุ้นระบบการย่อยอาหาร เมื่อเราทานอาหารหลังจากดื่มน้ำสักครึ่งชั่วโมง ระบบการย่อยอาหารของเราก็จะทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงคนที่อยากจะลดน้ำหนักด้วย ที่จะช่วยทำให้เรากินอาหารปริมาณลดลงซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับน้ำหนัก ทำให้เราควบคุมน้ำหนักได้ดี

4. ก่อนอาบน้ำ การดื่มน้ำก่อนอาบน้ำเหมาะกับผู้ที่อาบน้ำอุ่นไปจนถึงน้ำร้อนมากๆ เพราะว่าการอาบน้ำร้อนมากๆ เราจะรู้สึกว่าร่างกายตัวเองร้อนขึ้น นั่นก็เพราะว่าเส้นเลือดของเราขยาย เลือดจะวิ่งไปที่ส่วนต่างๆ โดยเฉพาะที่ผิว ซึ่งเมื่อเลือดวิ่งไปที่ผิวหนังเยอะ มันก็จะวิ่งไปที่สมองน้อย ทำให้เกิดภาวะความดันตกได้ในผู้ป่วยหรือว่าในคนที่ไม่ค่อยแข็งแรงมาก การดื่มน้ำเข้าไปก่อนอาบน้ำสัก 1 แก้ว ก็จะทำให้เป็นการลดโอกาสในการเกิดความดันตก ซึ่งก็จะทำให้ไม่หน้ามืดเป็นลมที่ขณะที่เราอาบน้ำร้อน

5. ก่อนเข้านอน ก่อนเข้านอนเป็นเวลาที่แนะนำให้ดื่มน้ำ แต่ก็ไม่ควรมากเกินไป เพราะถ้าดื่มน้ำมากเกินไปก็อาจจะต้องลุกมาปัสสาวะจนรบกวนเวลานอนได้ การดื่มน้ำก่อนนอนเราแนะนำให้ดื่มประมาณ 1 แก้ว ทำไมต้องดื่มน้ำก่อนนอน ก็เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำไปทั้งคืน เมื่อเราเข้านอนไปแล้ว 8 ชั่วโมง เราจะขาดน้ำ ซึ่งก็ทำให้ร่างกายสูญเสียสมดุลเกลือแร่ต่างๆ การดื่มน้ำก่อนนอนก็จะสามารถคุมปริมาณน้ำไว้ในร่างกายได้ ทำให้ไม่เกิดอาการขาดน้ำและขาดเกลือแร่

6. เมื่อเป็นไข้หรือไม่สบาย การที่ดื่มน้ำเข้าไปก่อนจะเป็นไข้ จะช่วยเราได้หลายๆ อย่างเลย การที่เราดื่มน้ำเข้าไปในร่างกายจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ส่วนคนที่ขาดน้ำเวลาเป็นไข้ก็จะเป็นเยอะ รู้สึกเวียนหัวมากกว่าปกติ หายไข้ได้ช้ากว่าปกติ แต่สำหรับใครที่ได้ดื่มน้ำเข้าไปก่อน ก็จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ อาการต่างๆ ก็จะไม่มากนัก รวมถึงเวลาที่เราเป็นไข้ ร่างกายของเราจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การดื่มน้ำก็จะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้ด้วย ส่งผลให้เราหายหวัด หายไข้เร็วมากขึ้น

7. เมื่อรู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลีย ต้องบอกว่าในบางครั้ง เราดื่มน้ำน้อยจริงๆ บางคนดื่มน้อยจนคิดไม่ถึงเลยก็ว่าได้ ซึ่งเมื่อเราดื่มน้ำน้อยก็จะเกิดอาการอ่อนเพลีย วิงเวียน หน้ามืดเป็นลม เกิดอาการขาดน้ำ วิธีแก้ก็เพียงแค่ดื่มน้ำและคอยเตือนตัวเองให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ ซึ่งใน 1 วันก็ควรดื่มให้ได้ไม่น้อยกว่า 2000 CC หรือประมาณ 8 – 10 แก้ว

8. เมื่อต้องใกล้ชิดผู้ป่วย เช่น เราไปเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ไปเฝ้าไข้ผู้ป่วยที่โรงพยาบาล อยู่ในพื้นที่ที่มีคนป่วย การต้องใกล้ชิดผู้ป่วยนั้นมีโอกาสที่เชื้อโรคจากจะเข้ามาร่างกายได้ การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของเรา ทำให้เรามีโอกาสที่จะติดเชื้อโรคต่างๆ ได้น้อยลง รวมถึงยังทำให้ความอ่อนเพลียต่างๆ ลดน้อยลงด้วย เมื่อดื่มแล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้น ทั้งภูมิคุ้มกันดี โอกาสติดเชื้อ ติดไข้หวัดต่างๆ ก็น้อยลง การดื่มน้ำจึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราไม่ติดหวัดติดเชื้อโรคได้